Life in Brisbane Day 21: Easter Day

Life in Brisbane Day 21: Easter Day

เข้าสู่วันเสาร์ ที่เป็นทั้งวันอีสเตอร์ และเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้ใช้เวลาเต็มวันที่ออสเตรเลียก่อนบินกลับไทย ด้วยเหตุที่ว่าอยากจะตามเก็บสิ่งที่อยากทำก็เลยต้องวางแผนหนักหน่อยเพราะชนกับวันหยุด

จริงๆ ลิสต์ของที่อยากทำก็ไม่ค่อยมีอะไรหรอก เพราะหลักๆ คือตามเก็บร้านกาแฟที่จดเอาไว้ตั้งแต่ก่อนมา แต่ไม่มีเวลาแวะไป ซึ่งหลายๆ ร้านก็ดันหยุดเอาวันนี้ ถ้าให้เทียบก็ร้านค้าหยุดหนักพอๆ กับสงกรานต์ในไทยล่ะมั้ง ถึงขั้นมีคนรวมว่าร้านไหนเปิด ถ้าเปิดมีการปรับเวลาปิดด้วยมั้ย

หาข้อมูลสักพักใหญ่ก็ไปเจอกับกิจกรรมพิเศษที่หาในไทยไม่ได้ มันคืองานอีสเตอร์ที่ Fortitude Valley เป็นการรวมทีม California Lane, Bakery Lane และ Winn Lane ในย่านนั้นจัดงานขึ้น ให้เด็กไปล่าไข่อีสเตอร์ ชมสัตว์ และมีมุมให้ผู้ใหญ่ดืไปนั่งชิวฟังดนตรีสดหาอาหาร กาแฟ เครื่องดื่มกินด้วย เจอของแปลกใหม่ก็เลยเล็งละว่าเดี๋ยวช่วงเช้าไปตลาดหาอะไรกิน ซื้อกลับละออกไปงานนี้ละกัน จัดถึงบ่ายสองนู่น

9 โมง เมฆเยอะเชียว

ช่วงเช้าก็เลยตัดสินใจกับพี่เค้าว่าไป Davies Park Market เจ้าเดิมที่ไปมาอาทิตย์ก่อน แต่ไม่ได้ลองอาหารในตลาดเลย งวดนี้เลยกลับไปแก้ตัว กินให้อิ่ม หากาแฟกิน แล้วค่อยหิ้วของกลับ

ระหว่างทางรถติดแว้บนึงมองไปเห็นป้ายโฆษณานึงน่าสนใจ เพราะว่าป้ายมันดูไม่ได้สวยอะไร แต่ทำให้สงสัยว่าคืออะไรแล้วอ่าน ใจความบอกว่า

"เราทำเว็บไซต์ได้เจ๋งกว่าป้ายโฆษณา"

จัดว่าเป็นโฆษณารับทำเว็บที่มีลูกเล่นพอตัว ฮ่าๆ

พอรถขับมาถึง Davies Park ก็ให้เค้าจอดทางเข้าเดิมกับครั้งก่อน แต่เนื่องจากเรารู้เส้นทางเดินของตลาดแล้ว ไม่ได้มือใหม่เหมือนครั้งก่อน เราเลยสามารถเดินผ่านโซนของสดด้านหน้าไปยังโซนอาหารได้เลย

ตัดสินใจต่างคนต่างซื้อแต่เอามาแชร์กันกิน ผมเองได้ Dumpling อารมณ์เกี๊ยวจีนนั่นแหละ เห็นหน้าตามันน่ากินแล้วเห็นเหมือนขายดี ส่วนพี่เค้าได้ปาเอยา (Paella) ข้าวผัดสเปนมา

ผลปรากฏว่า เกี๊ยวแป้งเข็งไปนิด ถ้านุ่มๆ ร้อนๆ จะเด็ดมาก ส่วนฝั่งของปาเอยานั้น ไม่ผ่าน หอม แต่ข้าวที่ไม่ร้อน ไก่ไม่ร้อน มันทำให้ไม่ชวนกิน รสชาตก็ไม่จัดด้วยแหละส่วนหนึ่ง

ผิดหวังเบาๆ แต่ก็ยังไม่อิ่ม เลยเดินหาอะไรกินเล็กๆ น้อยๆ อีกหน่อย ผมเลยไปได้ไส้กรอกเยอรมันที่ครั้งก่อนเห็นแล้วแต่ไม่ได้ลอง กลัวว่าจะอิ่มไปเลยไม่เอาเป็นฮ็อทด็อก แต่ขอแค่ไส้กรอก เป็นรสธรรมดาอันนึง และไส้ชีสอันนึง เค้าใส่หอมใหญ่ย่าง (น่าจะเรียกว่า Caramelized) คู่กับผักอะไรสักอย่าง คล้ายๆ ผักดอง มาเป็นเครื่องเคียง ผมโรยพริกเล็กน้อย เพื่อความสะใจส่วนตัว

อร่อยโคตร เป็นไส้กรอกที่อร่อยที่สุดนับจากมาอยู่ออสเตรเลีย มันกรอบ มันแน่น รสธรรมดาเองก็อร่อยแล้ว ชีสก็เพิ่มความเค็มขึ้นมาให้อร่อยไปอีกแบบ เครื่องเคียงหอมใหญ่ก็หวาน ผักดองก็ตัดเลี่ยนได้ดีมาก จัดว่าโคตรดี

กินๆ อยู่พี่เค้าก็เดินไปต่อคิวร้านกาแฟ คราวนี้เป็นอีกร้านนึง คนต่อเยอะมาก แต่ก็ใช้เมล็ดจาก Blackstar เดียวกับที่ครั้งก่อนซัด Cold Brew ไป ก็เลยรีบกินเพื่อที่จะไปต่อด้วย กินเสร็จโยนถาดลงถังขยะแล้วไปต่อคิว ต่อได้แป๊บเดียวฝนที่ปรอยๆ อยู่ก็ถล่มหนักลงมา กลายเป็นเต็นท์ร้านกาแฟและร้านอาหารโดยรอบกลายเป็นที่หลบฝนโดยปริยาย

ไม่นานนักก็ได้กาแฟมากิน ผิดหวังเพราะตอนแรกนึกว่าจะเป็น Cold Brew แบบเดิม เพราะเห็นชื่อเดียวกัน แต่กลับได้แบบผสมน้ำตาลมาแล้ว

พวกเราก็หลบฝนอยู่นานพอควร จนเห็นว่าเริ่มเดินไปได้แล้ว (ตกอยู่ แต่ไม่หนัก) ก็เลยเดินต่อ

ที่นี่มีน้อยหน่าด้วยนะ
พาสต้าเส้นทำสด

ระหว่างทางมีได้สตรอว์เบอร์รี่มา 2 กล่องแชร์กับพี่เค้า ซื้อเยอะละได้ลดราคาก็เลยจัด แล้วก็ได้เค้กกล้วยหอมด้วย ครั้งก่อนชิมแล้วถูกปาก เลยเอากลับไปแถวนึง เศษเงินไม่พอ เค้ามีลดราคาให้ด้วย

เห็นเอเชียเดินในตลาดเยอะอยู่

หลังจากนั้นก็เดินซื้อของสดนิดหน่อย ส่วนใหญ่เป็นของพี่เค้า เพราะผมคงไม่ค่อยได้ใช้เท่าไรแล้ว จะกลับวันรุ่งขึ้นนี้แล้ว ความสนุกคือพี่เค้าตามเก็บอะโวคาโดหลายๆ ร้าน ได้ราคาต่างกันพอตัว แต่ขนาดผลก็ต่างด้วย

หลังจากเสร็จภารกิจก็โบกรถกลับบ้านกัน กะว่าเก็บของเดี๋ยวจะไปงานอีสเตอร์ละ

กลับถึงบ้านได้ไม่นาน ฝนถล่ม... ตกหนักมาก

จงใจถ่าย exposure สว่างๆ ให้เห็นเส้นฝน

ตกนานนนนนนน มากกกก ตอนแรกทำท่าจะหยุดแล้ว แป๊บๆ ก็มาใหม่ ถึงขั้นไม่รู้จะทำอะไรดี อยู่บ้านแม่งไม่มีอะไรทำนอกจากไถเน็ต เดินรอบๆ บ้านไปเรื่อย จนเจอกับปฏิทินตรงตู้เย็น เค้ามีตารางวันหยุดด้วย เลยคิดว่าน่าสนใจถ่ายเก็บไว้หน่อย

มีแบ่งวันหยุด, วันหยุดโรงเรียน

กว่าฝนมันจะหยุดจริงๆ ก็ปาไปเกือบบ่าย 3 จ้า

พังหมดแผนที่จะไปส่องงานอีสเตอร์

ที่น่าห่วงกว่าก็คือนอกจากงานอีสเตอร์จบแล้ว ร้านกาแฟหลายร้านก็ปิดกันตั้งแต่บ่าย 2 ด้วยนี่แหละ เพราะว่าเป็นวันหยุด บริการมื้อกลางวันเสร็จก็ปิดร้านแล้ว ค่าแรงวันนี้มันแพงกว่าปกติ

ตอนนั้นคือขี้เกียจละ ไม่ออกไปข้างนอกแล้วก็ได้ 555

แต่ก็ดันไปเจอลายแทงของร้านกาแฟที่ยังไม่ปิด คือร้าน Bellissimo Coffee อยู่ใกล้ๆ Fortitude Valley แต่ห่างออกไปทางตะวันออกหน่อยๆ คุยกับพี่เค้าว่าสนมั้ย พี่เค้าเอาด้วยก็เลยตัดสินใจออกไปอีกรอบนึง

รถไปจอดใกล้ๆ โซนร้าน พบว่ามันติดกับห้างเล็กๆ มีเป็นอาคารไม่ใหญ่มากติดๆ กันอยู่ 3-4 อาคาร มีซูเปอร์, ร้านขายเฟอร์นิเจอร์, ของกิน ฯลฯ

เนื่องจากไม่เคยมาโซนนี้ ก็เลยเดินสำรวจหน่อย เข้าไปในซูเปอร์เทียบราคาของแล้วพบว่าแพงอยู่ เหมือนกับเป็นอีกเกรดที่สูงกว่าพวก Woolworths ซะอีก เทียบคงใกล้ๆ กับ Gourmet Market ในไทยมั้ง ข้างในมีร้านซูชิด้วยนะ ตั้งตรงข้ามตู้ขายอาหารทะเลเลย

เดินเล่นจบก็มาที่ร้านกาแฟ เป้าหมายหลักที่นั่งรถออกมา ตอนที่ไปก็มีคนพอสมควร แต่ยังมีที่นั่งเหลือ ตัวร้าน Bellissimo Coffee นั้นเป็นทั้งโรงคั่วและทำกาแฟขาย มารู้เอาเพิ่มทีหลังว่าเป็นร้านที่ได้รางวัลประกวดเยอะมาก ระดับที่เคลมว่ามากที่สุดในออสเตรเลีย

ผมสั่งดริป El Savador มาชิมเพราะไม่เคยกินเมล็ด origin ทางนี้เลย พอได้ชิมแล้วพบว่าดีงาม ได้กลิ่นหวานๆ หอมๆ แบบ Cotton Candy หน่อยๆ ที่เหลือนึกไม่ออก แต่อร่อย ดีมาก พี่เค้าสั่ง Piccolo Latte ก็บอกว่าดี

หลังจากจบเรื่องกาแฟ พี่เค้าก็ชวนเดินไปสำรวจร้านค้าคนไทยตรง Fortitude Valley เพราะทำการบ้านมาแล้วพบว่ามีแอบอยู่ร้านนึง ไหนๆ เป็นทางผ่านอยู่แล้ว ก็ไปสักหน่อย อยากรู้ว่าจะมีอะไรขายบ้าง

แล้วสิ่งที่ผมเจอก็ทำให้ต้องช็อก

เดินเข้าร้านมาก็มีหมูปิ้งข้าวเหนียววางขายพร้อมกับข้าวหลายอย่าง...

ผงปรุงรสก็มีขาย ไม่แปลกใจ แต่กูแปลกใจกลองข้างบนนี่แหละ!

เจออุปกรณ์ทำอาหารเหล่านี้เข้าไป ในใจนี่อุทานเลยครับ มีหมดเลย จะครก หม้อจิ้มจุ่ม หม้อไฟ เตาปิ้งหมูปิ้ง, ไส้กรอกอีสาน หรือแม้กระทั่งหลุมทำขนมครกก็มีขายครับ!

กระติ๊บ! กระติ๊บข้าวเหนียวครับพี่น้อง! แล้วนั่นมันใช้หม้อผสมเตาหมูกะทะใช้มั้ย! ขวาเราก็มีที่สอยมะม่วงอีกต่างหาก!!

บอกได้ว่าร้ายกาจ มีทุกอย่างที่นึกถึง และเกินที่จะนึกถึงขายเลย มีกระทั่งโกษใส่กระดูก เรียกว่าจะทำพิธีศาสนาก็มาหาของที่นี่ได้เลย อาหารก็มีหลากหลายเกินจินตนาการมาก มีไตปลา, หมูยอขายด้วย พวกขนมและน้ำต่างๆ จากไทยก็เพียบ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมา

ของที่ได้ติดมือกลับไปก็เป็นพวกน้ำจิ้มแบบไทยๆ (จำได้ว่ามีแจ่ว กับน้ำปลามั้ง) กลับไปติดบ้าน ทำอาหารจะได้สบายขึ้นเยอะ

เป้าหมายสุดท้ายของวันนี้คือแวะไป Aldi ซื้อเสบียงเพิ่มหน่อย ไหนๆ ก็ออกมาโซนนี้แล้ว

เดินฝ่าฝนปรอยๆ ไป Aldi แต่เหมือนโดนกลั่นแกล้ง พอเกือบๆ จะถึงละดันหนักขึ้น ดีว่าวิ่งเข้าอาคารทัน พอเข้ามาในอาคาร ก่อนจะไปดูซูเปอร์ ก็เลือกเดินสำรวจห้างก่อน เลยพบว่ามีขายหลายอย่างอยู่ รอบก่อนเรามาตอนร้านพวกนี้ปิดหมดแล้ว

เดินเจอฟิตเนส ที่มีพนักงานบริการตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง

ร้านที่เจอก็ได้แก่ขายเครื่องนอน เตียง หมอน ผ้าปู แล้วก้เดินมาเจอร้านขายจับฉ่ายเทียบเคียง K-mart ได้เลย เพราะมีตั้งแต่ของใช้ยันเสื้อผ้า แล้วก็เดินไปเจอร่ม พี่เค้าเลยซื้อร่ม เพราะอันที่มีมันพังแล้ว

มีระบบกดปุ่มเรียกพนักงานด้วย

หลังจากซื้อของที่ Aldi เสร็จก็โบกรถกลับบ้าน จะได้กลับไปพ้นๆ ฟ้าฝนซะที แทบจะโดนฝนมาทั้งวัน โคตรจะกลัวป่วยเลย

เนื่องจากวันนี้เราได้แจ่วและน้ำปลามาจากร้านไทย เราเลยได้เมนูที่พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น นับจากมาอยู่ที่ออสเตรเลีย นั่นก็คือไก่ย่างจิ้มแจ่ว และกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา! คู่กับผัดผักบุ้งเบคอนที่ได้เบคอนมาโคตรเยอะ เพราะกลัวมันจะหมดอายุ

จริงๆ คือไม่เหมือนย่างไก่เท่าไร ใช้วิธีเอาไก่ไปจี่ไฟบนกะทะนั่นแหละ จนมันสุดทั่ว พร้อมๆ กับใส่เห็ดลงไปด้วย เห็นเลยจะได้เกรียมนิดๆ พอได้กลิ่น แต่กรอบอร่อย เอา 2 อย่างนี้จิ้มแจ่วแล้วดีงาม

เมนูทั้งหมดของวันนี้

หลังจากกินเสร็จก็นั่งพักผ่อนกัน ผมเองก็เก็บของ เก็บกระเป๋าเตรียมไว้ เพราะพรุ่งนี้จะบินกลับไทยละ ของต้องพร้อม ทำ reminder ให้ตัวเองว่าวันรุ่งขึ้นต้องจัดการอะไรอีกบ้าง

สักพักใหญ่ น้องที่บริษัทที่จะสลับรอบกับผมก็เดินทางมาถึงบ้าน ก็เลยจัดแจงต้อนรับแนะนำเบื้องต้นกันไป ก่อนที่จะถึงเวลาแยกย้ายกันไปนอน เพราะเริ่มดึกแล้ว

และนี้คือเตียงที่ผมนอนมาตลอด 2 สัปดาห์หลังจากย้ายเข้ามาบ้านนี้ แม้ว่าจริงๆ มันจะเป็น Sofa bed ก็เถอะ แต่ก็หลับสบายดี ผ้าห่มอุ่นพอสำหรับอากาศธรรมชาติที่นี่ในฤดูนี้

คืนนี้คือคืนสุดท้ายที่อยู่ที่นี่แล้ว เลยนึกถ่ายรูปไวหน่อย เพราะไม่ค่อยมีภาพห้องเท่าไร พรุ่งนี้ก็จะกลับไทยแล้ว ขอพักผ่อนให้เต็มที่ ก่อนที่จะไปอยู่บนเครื่องบินอีก 8-9 ชั่วโมง

ราตรีสวัสดิ์