รีวิวทริปโตเกียวต้นตุลาฯ 2018 EP 6: วัดเซนโซจิ, พระราชวัง, สถานีรถไฟโตเกียวและอากิบะ
![รีวิวทริปโตเกียวต้นตุลาฯ 2018 EP 6: วัดเซนโซจิ, พระราชวัง, สถานีรถไฟโตเกียวและอากิบะ](/content/images/size/w2000/2019/10/DSC_1871.jpg)
วันนี้ยังคงเป็นอีกหนึ่งวันที่เราตระเวณเที่ยวภายในเมืองกันต่อ โดยจะเน้นตามเก็บจุดหลักที่คนมาเที่ยวโตเกียวนิยมไปกันไม่ว่าจะเป็นอาซากุสะโซนวัดเซนโซจิ ไปเดินในส่วนของพระราชวัง วนไปดูสถานีรถไฟโตเกียว แล้วก็จบวันด้วยการนัดเพื่อนพาเดินอากิฮาบาระหรืออากิบะ
ตื่นสายๆ เช่นเคย น่าจะราว 10 โมงได้ถึงเริ่มออกจากที่พักแล้วนั่งรถไปสาย Asakusa เพื่อไปวัดเซนโซจิหรือวัดโคมแดง แต่เรายังไม่ได้เดินชมวัด เราแค่เดินผ่าน เพราะเราจะไปหาข้าวกินใกล้ๆ นั้น
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1842.jpg)
เผอิญมีคนแนะนำร้านมาเป็นร้านอาหารเช้าแนวตะวันตก เดาจากซื้อร้าน La Grande chalice น่าจะฝรั่งเศสมั้ง
เค้ามีเซ็ตอาหารเช้าง่ายๆ ราคาประหยัดให้กินครับ อันนี้คือเมนู
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1845.jpg)
จะเห็นว่าราคาถูกโคตร ผมกับเพื่อนสั่ง Croque Monsieur มากันคนละชุด ในราคา 480 เยนนี่จะได้เครื่องดื่มด้วยเลือกได้จาก กาแฟ (เย็น/ร้อน), น้ำส้ม,ชาอู่หลง, เอสเพรสโซ เห็นมีเขียนด้วยว่ากาแฟร้อนเติมได้ 1 ครั้ง
พนักงานค่อนข้างจะสื่อสารกับต่างชาติได้ระดับนึง ไม่แปลกใจเพราะที่นี่เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวเยอะพอตัว บริการดีเลยครับ รอสักพักอาหารก็มา
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1846.jpg)
เห็นตอนแรกก็ดูกำลังดี แต่พอหั่นตัวขนมปังกินไปได้ครึ่งนึง... เริ่มอิ่มแล้วเฉย คือกินจนหมดนี่แน่นมาก โคตรคุ้มกันราคา 480 เยนเลยทีเดียว ใครอยากหาตัวเลือกอาหารเช้าแน่นๆ ครบๆ ประหยัดตัง ขอแนะนำเลย
จากนั้นพวกเราจึงเดินออกมาที่โซนวัดเซนโซจิกันอีกครั้ง คราวนี้ก็ตระเวณดูไปเรื่อยๆ คิดว่าเหมือนเดิมย่อยอาหารเมื่อครู่ นักท่องเที่ยวบริเวณนี้เยอะมากจริงๆ แต่คนญี่ปุ่นเองก็มีพอสมควรเหมือนกัน หน้าอาคารหลักก็มีที่ให้จุดธูปไหว้ กับโซนขายเครื่องราง ในอาคารหลักก็จะมีที่ให้โยนเหรียญอธิษฐาน
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/sensouji.jpg)
พอเดินเก็บบรรยากาศและภาพได้พอใจ ก็แวะกลับไปแถวร้านอาหารเมื่อครู่อีกรอบ... ถามว่าหิวหรอ เปล่า! แค่อยากมาเก็บ Achievement ร้านขนมชื่อดัง นั่นก็คือ... Coffee Tengoku ร้านแพนเค้กชื่อดังที่เคยโผล่ในซีรีส์ Kantaro นั่นเอง ด้วยจังหวะที่พอจะลงตัวนิดๆ ร้านมันเปิดเที่ยงพอดี เลยไปส่องดู
เดินไปถึงหน้าร้านก็พบว่ามีคนญี่ปุ่นมาต่อคิวแล้วนิดหน่อย พวกเราก็เลยไปต่อหลังเค้า เจอยังงี้ก็โล่งใจละว่าได้กินแน่ๆ คิวยังไม่ยาว พอได้เข้าร้านก็ไปที่นั่งเลย ร้านเค้าแคบๆ เหมือนในซีรีส์นั่นแหละ ที่นั่งมีไม่เยอะมากส่งผลให้คิวข้างนอกก็จะเริ่มยาว
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/IMG_20181003_124102--1-.jpg)
พอเค้ามารับออเดอร์ ผมก็สั่งเซ็ตแพนเค้กกับกาแฟ เพื่อนผมไม่ได้สนแพนเค้กนักบวกกับอิ่มอยู่เลือกสั่งกาแฟอย่างเดียว เจ้าของร้านเหมือนจะทำอยู่คนเดียวในทุกๆ หน้าที่ ก็เดินเข้าไปครัวที่เรามองเห็นได้อยู๋จากทีนั่ง
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/IMG_20181003_123641.jpg)
เมนูกาแฟเยอะมาก เครื่องดิ่มอื่นก็เยอะ ไล่จากบนจะมี
- Tengoku Original Blend
- American Coffee (Americano มั้ง)
- Vienna Coffee
- Cafe Ole (ใส่นม)
- Coffee Float / Coffee Jelly
- ชาดำ + เลมอน / ชาดำ + นม
- Tea Ole (ใครรู้บอกที มันต่างกับใส่นมปกติยังไง)
- ชาดำ Ole
- ไอศกรีม / โคล่า
- Lemon Squash เลมอนคั้น / น้ำเลมอน
- Orange Squash ส้มคั้น / โซดาเปล่าๆ
- ครีมโซดา / เบียร์
ถามว่าอร่อยมั้ย ผมว่าอร่อย แต่ด้วยความที่ไม่ค่อยได้กินแพนเค้กบ่อยนัก เลยไม่รู้จะบรรยายยังไงดีว่ามันอร่อยกว่าทั่วไปยังไง โดยรวมคือประทับใจ แถมกาแฟในร้านก็อร่อยด้วย
เสริมกับมื้อเช้า (ที่กินเสร็จ 11 โมง) เมื่อครู่ กลายเป็นโคตรอิ่ม และไม่ต้องหาอาหารกลางวันกินแล้วล่ะ จากนั้นก็เดินทางนั่งรถไฟสาย Ginza ยาวๆ ไปลงสถานี Nihonbashi ใกล้ๆ กับสถานีโตเกียว จากนั้นพวกเราก็เดินเรื่อยเปื่อยกันไปจนถึงหน้าประตูทางเข้า Imperial Palace หรือพระราชวังของจักรพรรดิญี่ปุ่น ทีเ่ปิดให้เข้าชมสวนภายใน
ตอนไปถึงก็จะมีการตรวจกระเป๋าก่อนเข้าไปข้างในนิดหน่อย เพื่อความปลอดภัย ระหว่างที่ต่อแถวรออยู่นั่นแหละ พวกเราก็หันไปทางคูน้ำรอบวังแล้วพบกับ
ห่านใช่มะ ไม่รู้เหมือนกัน แต่น่าจะตระกูลห่านนี่แหละ มันว่ายไปมาอยู่แถวนั้น มองๆ สักพักเจอว่ามี 2 ตัวด้วย ส่วนในน้ำนั่นเต็มไปด้วยใบไม้ เข้าใจว่าเพราะลมจากไต้ฝุ่นวันก่อนที่พัดผ่านโตเกียวไป
มีเพื่อนบอกไว้ก่อนหน้าละ ว่าพระราชวังมาเที่ยวเก้บก็ดี แต่มันไม่ค่อยมีอะไรมากนะ อย่าคาดหวังเยอะ ซึ่งก็เห็นด้วยหลังจากที่ได้เดินอยู่สักพักใหญ่
โซนนี้ที่เข้าไปมันจะเป็นทางเดินกว้างๆ กันสวนไม้ มีอาคารเก่าโชว์อยู่นิดหน่อย แต่น้อยมาก แล้วก็มีเหมือนป้อมเก่าอยู่
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/imperial-palace.jpg)
จะมีบางคนก็เข้ามาเพื่อพักผ่อน เหมือนเป็นสวนสาธารณะยังงั้นครับ บรรยากาศในนี้จะเงียบๆ บวกกับวันนี้มันครึ้มๆ ก็เลยจะเย็นๆ ด้วย ถ้าเผลอหาที่นั่งหลับตาอาจจะวาร์ปได้โดยง่ายเลยแหละ
เดินด้านในเสร็จ ก็เลยเดินรอบนอกพระราชวังบ้าง เพื่อจะไปดูสะพานหินที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพข้างล่างนี่คือตำแหน่งสวนที่เดินตอนแรกครับ จะเห็นว่ามีพื้นที่เดินเยอะพอสมควรเลย แต่ว่าข้างในก็จะโล่งๆ
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/2019-10-20-15.50.25-www.google.co.th-0d60b5ff1b85-1.jpg)
แล้วอันนี้คือสะพานหินที่จะไป
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/2019-10-20-15.50.40-www.google.co.th-727cb1c2799d-1.jpg)
ระหว่างเดินไป ผมก็เจอกับช่องๆ นึงที่มองเข้าไปทางเมืองแล้วเจอกับสถานีรถไฟโตเกียวพอดีเลย
เอาตามตรงคือตรงสะพานนี้ไม่ค่อยมีอะไรครับ พระเอกมันคือตัวสะพานหินนี่แหละ ที่ถ่ายสะท้อนน้ำแล้วมันสวยดี กับประวัติความเก่าแก่ของมันที่คงเหลืออยู่มาตั้งแต่ยุคเอโดะ เห็นว่าสร้างครั้งแรกคือช่วงปี 1624-1627 แต่ของที่ยังอยู่ปัจจุบันนี้ปรับปรุงไปเมื่อปี 1889
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/imperial-palace2.jpg)
หลังจากชมสะพานเสร็จ เราก็เดินกลับหลังหันตรงๆ ข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อจะเดินไปหาสถานีรถไฟโตเกียว
เดินผ่านร้านคาเฟ่ 1894 ที่เห็นว่าเป็นธนาคารเก่าที่เป็นสไตล์ตะวันตกเอามาทำเป็นร้านอาหารครับ ไม่ได้เข้าไปลอง แต่บรรยากาศน่าจะดีเอาเรื่อง
เดินๆ มาอีกหน่อยก็ได้พบกับหน้าสถานีโตเกียว
ส่วนตัวผมมาที่นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วแหละ แต่งวดก่อนที่มามันมีปิดปรับปรุงพื้นที่บริเวณนี้อยู่ ออกมาจากตัวสถานีแล้วเดินออกมาบริเวณนี้ไม่ได มาคราวนี้เปิดโล่งแล้ว ตัวสถานีที่มีความคลาสสิคนี่มากี่ครั้งก็ไม่เบื่อ แถมบรรยากาศตอนกลางวันกับตอนค่ำก็ต่างกันด้วย วันนี้มาเก็บภาพตอนกลางวันกันไปก่อน
พอใจกับบรรยากาศตรงนี้แล้ว ก็เกือบพอดีเวลานัดเพื่อนอีกคนหนึ่งที่มาเรียนต่อที่นี่ คุยกันมาล่วงหน้าว่าอยากให้พาเดินเที่ยวอากิบะหน่อย ก็เลยนัดเจอกันที่สถานีอากิบะ แล้วก็เดินตระเวณแถวนั่นยาวเลย
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/IMG_20181003_145146.jpg)
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1923.jpg)
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1922.jpg)
เอาตามตรงคือจำทางเดินไม่ค่อยได้ละ 555
แต่ตามเก็บร้านยอดฮิตบริเวณนั้นหมดเลย พาไปดูแหล่งว่าตรงไหนขายอะไร หนังสือ สินค้ามังงะ อนิเม เกม รวมถึงแหล่งรวมของมือถือสองราคาถูก ชื่อสถานที่ที่จำได้ก็มีตึก Radio Kaikan (ที่โผล่ใน Stein;Gate) กับ Mandarake ที่รวมสินค้ามือสองราคาประหยัด
ตกค่ำก็เดินไปกินร้านอาหารประจำถิ่นอย่าง Roast Beef Ono
รอคิวนานพอสมควร เพราะชนเวลามื้อเย็น ความเถื่อนคือระหว่างรอคิว เค้าจะฉายวิดีโอวิธีกินให้ด้วย โดยบอกว่าได้มาปุ๊บ ให้ลองชิมเนื้อก่อน จากนั้นค่อยลองกินกับข้าว
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1930.jpg)
ปรากฏว่าลองทำตามวิดีโอแล้ว เนื้อจะเริ่มไม่พอ ฮ่าๆ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าถ้าใครตามมากิน ลองชิมเนื้อแค่นิดเดียวพอ อย่ากินทั้งชิ้น ไม่งั้นจะเหลือข้าวตอนท้ายไม่พอดีเนื้อ
ส่วนของรสชาติต้องบอกว่าเนื้อมันทำมานุ่มมากกกก เป็นวากิวแล้วยังเอามาอบได้ที่ ซอสหวานๆ ไม่รู้เรียกอะไร ราดกับเนื้อ กินกับข้าวร้อนๆ แล้วอร่อยมาก บวกกับความหยุ่นๆ ของไข่ดิบแล้วคือสุด เขียนไปก็หิวไป อยากไปกินอีก ระหว่างกินหน้าเคาน์เตอร์ก็จะเห็นคนในครัวหยิบเนื้อก้อนเบอเร่อออกมาด้วย เห็นแล้วก็เพลินตาดี
หลังจากกินเสร็จ เพื่อนปลีกตัวไปเดินเล่นอีกหน่อย ผมก็เลยไปเดินหาที่นั่ง ไปเจอร้านใกล้ๆ Yodobashi Camera เป็นเชนคาเฟ่ร้านเล็กๆ สั่งช็อกโกแลตมานั่งกิน อร่อยดี
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1935.jpg)
ใกล้ๆ นั้นก็มีคาเฟ่ธีมด้วย เป็นของ SQUARE ENIX มาจัดไว้ แต่ของแต่ละอย่างแพงโคตร
เสร็จธุระตรงนี้ก็เจอเพื่อนแล้วเดินทางกลับที่พัก
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/IMG_20181003_192144_582.jpg)
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/IMG_20181003_190352.jpg)
อ้อ เหมือนจะยังไม่เคยบอกในบล็อกก่อน แต่ว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่โคตรติดใจ Orangina เลย มันคือน้ำส้มอัดลมแบบที่ Starbucks ในไทยขายนั่นแหละ แต่นั่นมันอิมพอร์ตเลยแพง ขวดละ 80 บาทได้มั้ง มาที่ญี่ปุ่นนี่ขวดนึงถูกกว่าเป็นครึ่ง แถมหาได้ตาม 7-11 ใครไม่เคย แนะนำให้ลอง หวานกำลังดี อร่อย
![](https://astider.reviews/content/images/2019/10/DSC_1937.jpg)
แล้วก็จบไปอีกหนึ่งวัน วันนี้กับวันก่อนเป็นวันตระเวณเดินโตเกียวสุดๆ ส่วนวันรุ่งขึ้นนั้น พวกเราจะไป 1-day trip ตะลุยนิกโก้กันครับ