Life in Brisbane Day 15: เข้าวัดวันสงกรานต์ ที่บริสเบน และชาบูมื้อเย็น
วันนี้เป็นวันที่ 14 เมษายน และเป็นวันอาทิตย์ ถ้าที่ประเทศไทยก็คงเป็นช่วงสงกรานต์กันอยู่ แต่สำหรับที่บริสเบน ที่แม้จะไม่มีวันสงกรานต์ แต่ชุมชนคนไทยที่นี่ก็ยังร่วมกันมาจัดงานกันที่วัดไทย และคนท้องถิ่นที่นี่เองก็ดูจะถูกอกถูกใจงานนี้ไม่น้อย เกิดการเชิญชวนทั้งเพื่อนร่วมงานและครอบครัวไปเที่ยววัดไทยกันในวันนี้นี่เอง
กลุ่มผมเองก็ทราบว่ามีงานสงกรานต์จากทีม QUT CEA นี่แหละ เพราะเค้ามาบอกและชวนไป แน่นอนว่าก็ไปแน่ เพราะนอกจากความอยากรู้อยากเห็นแล้ว ก็มีความคาดหวังว่าการออกร้านขายของ จะต้องมีอาหารไทยให้เลือกหลากหลายเป็นแน่ (ฮา)
เรานัดกับมาร์ก ประมาณ 10 โมงครึ่ง เพราะเค้าอาสามารับแถวบ้าน แล้วนั่งรถเค้าไปยังวัดไทยพุทธาราม ที่ห่างจากตัวเมืองออกมาพอประมาณ ถ้าไม่มีรถก็ไปลำบาก ระหว่างทางก็เจอจิงโจ้โดนรถชนตายอยู่ข้างทางด้วย มาร์กบอกว่าเป็นเรื่องปกติของที่นี่ พร้อมบอกว่ามีวอมแบทอีกตัวที่โดนบ่อย แต่บางตัวที่ขนาดใหญ่หน่อย โดนชนแล้วก็ไม่ค่อยเป็นไร เดินต่อไปหน้าตาเฉยเลย
พอถึงแถววัดก็พบว่าคนจอดรถข้างทางแถวนั้นกันยาวเกือบกิโลได้เลย เพราะที่จอดรถในวัดมีไม่มากพอ ก็ตัดสินใจหาที่จอดละเดินกลับไปเข้าประตูวัดละกัน ถือว่าดีที่อากาศมันเย็น รอบข้างเป็นต้นไม้สูง ฝั่งตรงข้ามวัดก็เป็นบ้านคนที่ปลูกไว้หลังใหญ่ๆ ไม่ก็เป็นเหมือนโกดัง เดาว่าค่าที่แถวนี้คงถูกกว่าแถวเมืองเยอะ
เข้าประตูวัดมาก็เจอเอกลักษณ์ไทยเข้าเลย นั่นก็คือศาลพระภูมิ ข้างๆ กันก็มีป้ายรายละเอียดงานสงกรานต์วันนี้เป็นภาษาไทย
เดินจากบริเวณประตูวัดเข้ามากันพักนึงก็ถึงบริเวณงาน หน้างานก็เป็นพื้นที่ทำบุญและมีขายน้ำอบให้สรงน้ำพระ แว้บแรกก็คิดว่าไม่ทำละกัน แต่เห็นมาร์กเค้าเอาด้วย ก็เลยตามๆ กันหมดเลย แถวไม่เคยขาดสายเลย มีคนต่อตลอดเวลา
สรงน้ำพระเสร็จเราก็เดินเข้าไปบริเวณจัดร้านขายของ ก็ได้ยินเสียงภาษาไทยที่คุ้นเคย และสินค้าจากไทย เช่น โออิชิ, กระทิงแดง (แบบไทย ไม่ใช่ red bull), M150 และเครื่องปรุงต่างๆ ที่พบได้ในไทย เดินมาอีกหน่อยมีขายของขลังกันด้วย เออ แปลกดี ในไทยไม่ได้หากันง่ายๆ
เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเจอกันลานที่นั่ง และเวทีที่มีการแสดงดนดรีและการรำของไทยให้ผู้เข้างานมาดู สร้างความสนุกสนานอยู่ตลอดเวลา มีเชิญชวนคนมีฝีมือด้านดนตรีไทยมาออกงานกันด้วย (ฟังเค้าบรรยายเอา ไม่รู้จักสักกะคน)
แล้วก็ได้เวลาหาอาหารกินกัน ใกล้เที่ยงแล้ว คนเยอะไปหมดทุกร้านเลย เลยแยกย้ายกันซื้อของกิน ของตัวเองด้วย และเอามาแบ่งกันด้วย อาหารที่นี่ก็ยังแพงอยู่ดี อาจจะเพราะวัตถุดิบ หรือเพราะเป็นมาตรฐานก็ไม่แน่ใจ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (ที่พริกไม่เผ็ด) ก็ขายที่ $A12 หมูปิ้งที่นี่ก็ไม้ละ $A1-2 ราวนี้ จำไม่เป๊ะ ส้มตำเป็นของฮิตมา เดินผ่านสัก 5 ร้านจะเจอสัก 1 ร้าน ร้านอาหารรวมๆ น่าจะเกือบ 50 ร้านได้
พอซื้ออาหารกันเสร็จก็ถือมาจับกลุ่มกับแก๊ง QUT CEA นั่งกินกันพักใหญ่ หลังจากนั้นก็เลยมีการทยอยกลับกัน เพราะบางคนก็มาเป็นครอบครัว พาลูกมาด้วย เราที่อาศัยรถมาร์กมาก็รอมาร์กซื้อของ และกลุ่มเราเองก็ไปเดินเล่นนิดหน่อยด้วย สักพักก็เห็นมาร์กหิ้ว M150 มา แล้วเราก็กลับกัน
ระหว่างเดินออกจากวัดก็เห็นป้ายเชิญชวนบริจาคสร้างอุโบสถของวัดด้วย กราบในดีไซน์จริงๆ เฟี้ยวมาก ยังกับทำแข่งหอประชุมมหิดลฯ ยังไงยังงั้น
จากที่วันก่อนเราซื้อเตาไฟฟ้ามา วางแผนว่าจะทำชาบูกินกัน วันนี้เลยลองถามมาร์กว่าหาเนื้อสไลด์ทำชาบูได้ที่ไหนบ้าง ปรากฏว่าดันมีร้านเอเชียแถวออฟฟิศเลย ที่มีของครบเสร็จสรรพ เลยคุยไปคุยมา มาร์กเลยพาพวกเราไปที่ออฟฟิศแทน ไม่ได้แวะกลับเข้าบ้าน มาร์กเองก็บ้านอยู่แถวออฟฟิศอยู่แล้วด้วย
พวกเราก็เลยกว้านซื้อของในร้านที่อยากกินกับชาบูมาจนพอใจ แล้วก็เรียก Ola กลับบ้านกัน
นั่งอืดกันที่บ้านเป็นชั่วโมงๆ เพราะอากาศมันดีเหลือเกิน จนเกือบๆ 4 โมงพี่เค้าชวนออกไปเดินเล่น South Bank ก็เลยไปด้วย ระหว่างทางก็เลยเห็นว่าวันอาทิตย์ที่นี่มันช่างเป็นวันครอบครัวสุดๆ คนออกมานั่งเล่นสนามหญ้าริมแม่น้ำกันเป็นครอบครัว ตรงหาด South Bank ก็ยังคึกคักเช่นเคย
พวกเรามานั่งเล่นกันตรง Max Brenner ร้านช็อกโกแลตชื่อดังของที่นี่ สั่งเครื่องดื่มสบายๆ นั่งกินกัน ของผมเองเป็น ดาร์กช็อกโกแลตร้อน
บอกเลยว่าร้านคนเยอะมาก และวันอาทิตย์ที่ออสเตรเลียเป็นวันที่พนักงานบริการอยู่ไม่เยอะกัน นั่งรอกันนานมาก นั่งไปพักใหญ่ ของที่สั่งถึงจะมา แต่ก็อร่อย ละมุน สมกับที่รอคอย นั่งซดช็อกโกแลตร้อนๆ พร้อมกันอากาศที่เย็นลงๆ เพราะพระอาทิตย์ตกนี่มันดีเหมือนกัน
นั่งอยู่จนถึงราว 6 โมงเย็น ก็ตัดสินใจกลับ เพราะมืดมากแล้ว ก็จัด LIME ปั่นกลับไปผาใต้บ้าน แล้วก็เข้าบ้านกันไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับกินชาบู
ปิดท้ายด้วยเมลอนที่ซื้อมาเมื่อวาน อร่อยสุดๆ หวาน ฉ่ำ เอาซะอยากกลับไปซื้อมาเพิ่มอีกเยอะๆ เลย
เป็นอันจบวันเท่านี้ครับ