Life in Brisbane Day 14: เดินตลาดนัดวันเสาร์ที่ Davies Park Market

Life in Brisbane Day 14: เดินตลาดนัดวันเสาร์ที่ Davies Park Market

มาถึงวันเสาร์ที่ 2 ของการมาอยู่ที่บริสเบนแห่งนี้ หลังจากเสาร์ที่แล้วหากิจกรรมทำใกล้กับที่พักในตัวเมือง มาคราวนี้เราย้ายที่พักมาอยู่บ้านแบบยาวๆ กันแล้ว และก็เรียกได้ว่าห่างจากตัวเมืองมาพอประมาณ ถ้ามองเป็นระยะกระจัดคือแค่ข้ามแม่นแหละ้ำ แต่ละแวกรอบๆ คือบ้านคนล้วนๆ เป็นย่านที่พักอาศัยหมดเลย ไม่มีตึกหรืออาคารออฟฟิศ

ด้วยความที่หมดภาระการเก็บวัตถุดิบทำอาหาร ไม่ต้องห่วงตอนขนย้ายที่พักแล้ว งวดนี้เลยศึกษาหาตลาดที่จัดในวันเสาร์เพื่อไปสำรวจ (เที่ยว) และหาวัตถุดิบทำอาหารเข้าบ้านกัน แล้วก็ไปส่องเจอตลาดนัดนึงที่จัดทุกวันเสาร์พอดิบพอดี เปิดถึงช่วงบ่ายสอง ก็เลยตัดสินใจไปกัน โบก Ola ไปเลย

เอาจริงๆ Requirement ในการหาตลาดค่อนข้างยากหน่อยเพราะว่าตอนเช้าก็นอนตื่นสายกันทุกคน ยังเพลียๆ จากงานและการที่ตื่นเช้ากว่าเมืองไทยอยู่บ้าง และกว่านึกถึงว่าน่าออกไปหาตลาดก็ราวเที่ยงได้แล้ว ตลาดหลายที่ๆ จัดในวันเสาร์ก็เลิกกันไปเยอะแล้ว แต่เผอิญว่าที่ Davies Park Market นี่เค้าเปิดยันบ่ายสอง ก็เลยยังเดินทางไปทัน

นั่ง Ola มาพักนึง วันนี้รถเยอะเหมือนกันเลยเคลื่อนตัวช้าบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นรถติด มาถึงก็ให้เค้าปล่อยลงตรงหน้าตลาดเลย จะได้เดินกันต่อ อ้อ! ของสำคัญตอนที่มาตลาดคือถุงผ้า นี่หยิบมาคนละถึงได้ทั้งสิ้น 3 ถุง ร้านในโซนตลาดพวกนี้ไม่ค่อยมีถุงให้แบบซุปเปอร์ครับ หรือเห็นคนท้องถิ่นบางคนก็เอาพวกรถเข็นเล็กๆ มากันเลยก็มี

ลักษณะการจัดร้านของตลาดที่นี่ไม่ได้ต่างกับที่เราคุ้นในไทยเท่าไร มันเป็นบูธๆ ไปนั่นแหละ ร้านนึงบูธนึง ยกเว้นร้านใหญ่ๆ ที่ขายผักผลไม้กันเยอะๆ ก็จะกว้างหน่อย

ส่วนร้านขายเนื้อจะมาแปลก เพราะเค้าจะมาเป็นคันรถตู้แช่เย็นเลย สารภาพกันตามตรงคือไม่กล้าเดินเข้าไปซื้อ ไม่รู้เค้าขายยังไง แล้วก็ไม่รุ้จะซื้อเนื้ออะไรด้วย ฮ่าๆ

หลักที่พวกเราเดินเข้าไปดูก็จะเป็นร้านขายผักผลไม้ ไปสำรวจว่าเค้ามีอะไรขายบ้าง ก็พบว่าค่อนข้างหลากหลายทีเดียว กะเพราก็มีขายหลายร้าน กระเทียมมีเยอะมาก เห็ด หัวหอม ขิง ข่า หาได้หมดเลย พริกก็มี เลยซื้อมาลองนิดหน่อย แต่ที่ชวนแปลกใจก็คือน้อยหน่า มีขายทั่วเลยครับ อีกอันก็คือมังคุด ที่ราคาโหดมาก คุ้นๆ ว่าลูกละ A$3 (66 บาท) ได้เลย น่าจะเป็นของนำเข้าของเค้าล่ะมั้งเลยแพง

วนเข้าวนออกร้านขายผักก็หลายร้าน ราคาโดยรวมไม่หนีกันมาก ไม่ได้ขายตัดราคากัน บางอันราคาต่างก็คือแพคกิ้งและขนาดต่างด้วย จะยากกว่าซุปเปอร์หน่อยตรงที่ไม่มีป้ายคำนวณราคาต่อกรัมให้ เดินมาพักนึงก็พบว่ามีร้านกาแฟมาในตลาดด้วย เรียกว่าหลายร้านเหมือนกัน แต่ที่สะดุดตาสุดก็คงเป็นร้านนี้

ร้านที่เอารถพร้อมตู้แช่มาจอดขาย Cold Brew ใส่ขวด พร้อมกับมีขายเมล็ดด้วย โดยมาจากร้านกาแฟและโรงคั่วชื่อ Blackstar มาค้นเอาทีหลังพบว่าร้านเค้าก็อยู่ในย่านใกล้ๆ กับตลาดด้วย และจัดว่าอยู่ในระยะเดินจากบ้านพักได้อยู่ เห็น Cold Brew

น่าสนใจก็เลยจัดมากับพี่เค้า 2 ขวด ขวดแรกคือกาแฟดำ หอมและอร่อยมาก ไม่ขม ไม่เปรี้ยว และอีกอันเป็นแบบผสมนม อันนี้มันๆ นมไปเลย ไม่ค่อยให้รสกาแฟ น่าจะกินง่ายสำหรับคนไม่กินกาแฟดำ แต่ส่วนตัวนิยมตัวกาแฟดำมากกว่า

ผ่านมาสักครึ่งทางก็เจอโซนที่มีร้านขายอาหารพร้อมกินอยู่หลายร้าน เจอตั้งแต่ไส้กรอกเยอรมัน, ปาเอยา (ข้าวผัดสเปน), เกี๊ยวจีน, ของทอด, อาหารไทย คือถ้าเทียบสัดส่วนประเภทร้านค้าแล้วน่าจะบอกได้ว่าเป็นของสดสัก 2/3 ส่วนอีก 1/3 คือร้านอาหารนั่นเอง นอกจากที่นั่งจำนวนหนึ่งหน้าร้านอาหารแล้วก้มีสนามหญ้าข้างๆ อีกที่คนไปนั่งกินอาหารกัน แว้บแรกก็มีไอเดียว่ากินข้าวกันเลยมั้ย แต่ก็ตัดสินใจว่ากลับไปทำกินที่บ้านดีกว่า และดันหิ้วของมาหลายร้านแล้วเลยขี้เกียจหาที่วางของแล้วกินข้าวที่นี่

ร้านอาหารไทย

เดินผ่านโซนร้านอาหารมาหน่อยก็กับของทะเล มีไม่กี่ร้าน แต่ของเยอะมาก ปลา กุ้ง ปู มีครบ แต่ไม่ได้ซื้อ ขี้เกียจเอากลับไปทำเอง จากนั้นก็เดินต่อ เส้นทางการเดินมันจะเหมือนเป็นทางลัดของสวน Davies Park พามาออกอีกทางนึง พอใกล้ๆ ทางออกก็ไปเจอร้านขายผลไม้ที่ลดราคาเตรียมเก็บร้าน ทำให้เจอกับของดี นั่นก็คือเมลอน โดยราคาใหม่ที่เค้าตั้งคือครึ่งลูกอยู่ที่ A$1 เท่านั้น คิดราคาปุ๊บ ลูกละ 44 บาทเท่านั้น รีบเข้าไปซื้อกันรวดเร็วเลย ถูกโคตรๆ

พอได้เมลอนมาใส่ถุงหิ้ว ก็เหมือนสัญญาณบอกว่าพอเหอะ ได้เวลากลับละ ซื้อเยอะกว่านี้น่าจะแบกกันไม่ไหวแล้ว ก็เลยไปเรียก Ola กลับบ้านกัน

จุดที่โบก Ola... อยู่ตรงข้ามออฟฟิศ Uber ฮ่าๆ

กลับมาถึงบ้านก็เก็บของเข้าตู้เย็นรัวๆ จากนั้นค่อยทำอาหารกินกัน ตอนนั้นคือหิวกันมากละ น่าจะปาไปบ่ายสองได้แล้ว อาหารมื้อนี้หยิบมาแค่พริก ที่เป็นของจากตลาด นอกนั้นคือของที่ซื้อมาตั้งแต่วันก่อนแล้ว ได้มาเป็นกับข้าว 2 อย่างคือถั่วแขกผัดพริก ที่ตอนผัดอยู่กลิ่นพริกแม่งฉุนแบบอาวุธชีวภาพมาก ดีที่ไม่มีเพื่อนบ้านออกมาด่า และอีกอย่างคือเอาผงลาบที่เหลือมาทำลาบหมูกิน เป็นไงล่ะ อาหารไม่มีความตะวันตกเลยล่ะสิ

ผลลัพธ์ของพริกที่ซื้อมาผัดถั่วก็คือ ความฉุนผ่าน, กลิ่นหอมผ่าน ส่วนความเผ็ด... พอไปได้ มันไม่สะใจมาก แต่ก็พอให้รู้สึกแสบๆ คันๆ ลิ้นได้อยู่ ก็เลยคิดว่าเดี๋ยวลองเก็บไว้ผัดกะเพราดู

กว่าจะกินเสร็จ เก็บกวาดก็ปาไปประมาณ 3 โมงแล้ว

ก็... ไม่มีอะไรทำ ก็เลยนั่งเล่น หยิบคอมมาทำงานบ้าง หรือนั่งไถเน็ตกันไป เป็นช่วงว่างๆ อยู่พักใหญ่

จนราว 5 โมงเลยคิดกันว่า ออกไปเดินเล่นกันมั้ย ข้างล่างผาหน้าบ้านนั่นแหละ ดีกว่าอยู่เฉยๆ ในบ้านรอจนถึงมื้อเย็น ก็เลยออกไปเดินเล่นกัน

อาจจะได้ยินคำว่าผาบ่อยแล้ว ครับ มันเป็นผาที่สูงพอประมาณเลย (ดูภาพข้างบนประกอบ) และคนที่นี่ก็มาปีนผากันในวันหยุด เป็นกิจกรรมที่คนท้องถิ่นเค้ามาทำกันแพร่หลายมาก แต่นอกจากมาปีนผาแล้วก็พบว่ามีกิจกรรมหลายอย่างเหมือนกันที่คนที่นี่มาทำกันบริเวณนี้ในวันหยุดของเค้า

แก๊งนี้ปีนผาด้วย กางเตนท์ปาร์ตี้กันต่อด้วย
เดินๆ ไปเรื่อยก็จะเจอคนปีนอยุ่แทบตลอดทาง

เดินมาระยะนึงก็จะเจอย่านที่คนอยู่กันเยอะกว่าตอนแรก เพราะมีที่นั่งเยอะ คล้ายๆ พวกศาลาริมน้ำของเรานั่นแหละ แต่ไม่รู้ที่นี่เค้าเรียกอะไรกัน แล้วก็มีเตาบาร์บีคิวอยู่ตรงนี้ด้วยเตานึง มีทั้งมาเป็นครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนๆ มาทำอาหารกินกัน ดื่มเบียร์ก็มี แต่กินกันไม่วุ่นวาย ข้างๆ ก็มีโต๊ะปิงปองเห็นเด็กๆ มาเล่นกัน ห่างออกมาหน่อยก็มีคนเล่นไต่เชือกกัน เป้นของแปลกตาใช้ได้ เค้าผู้เชือกกันต้นไม้แล้วก็พยายามทรงตัวเดินบนเชือก คนอื่นผ่านมาเห็นอยากลองก็ได้ลอง

จากมุมที่ถ่าย ไปซ้ายอีกหน่อยก็มีคนเล่นเชือกอีกเส้นเหมือนกัน

บรรยากาศพระอาทิตย์กำลังจะตกริมแม่น้ำตรงนี้ถือว่าดีทีเดียว คนพลุกพล่านแต่ไม่ถึงขั้นวุ่นวาย แต่ละกลุ่มก็มีพื้นที่ของตัวเองอยู่ หลังจากสังเกตรอบๆ ตัว พี่ๆ เค้าก็ทักคุยกันประเด็นว่า เห็นยังงี้แล้วก็นึกถึงคำถามที่เวลาคุยกับคนที่นี่ว่า เวลาว่างนี่ทำอะไรกัน

ถ้าอยู่ที่ไทยก็คงตอบกันประมาณ เดินเล่น, ดูหนัง, อ่านหนังสือ แต่พอเทียบกับคนที่นี่ดูเค้ามีอะไรทำกันเยอะแยะเลย กลายเป็นว่าพวกเราที่มาจากไทยรู้สึกเขินไปเลยว่าถ้าเจอคำถามนี้จะตอบเค้าไปว่าอะไรดีให้มันเข้ากับบริบทที่เค้าอยากรู้

นั่งพักกันครู่หนึ่งก็เดินต่อกันไปอีกหน่อย ระหว่างทางมันมีเหมือนริมผาเล็กๆ ยื่นออกไปกลางแม่น้ำ ไม่ยาวมาก แต่วิวดี มีคนมาถ่ายรูปชุดแต่งงานกันด้วย

พอเริ่มมืด ก็เลยตัดสินใจเดินกลับกัน จะได้กลับบ้านไปทำอาหารเย็นกิน ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำที่เป็นเขต CBD พวกตึกสูงๆ ทั้งหลายก็เริ่มเปิดไฟ กลายเป็นวิวเมืองค่ำคืนที่สวยไม่เลวจริงๆ แอบนึกเหมือนกันว่าถ้าเราอยู่ฝั่งเมืองมองมาฝั่งนี้จะเป็นยังไงบ้าง คงต่างกันแบบคนละขั้วเลย

ปิดท้ายด้วยชุดภาพที่เหลือที่ถ่ายมาละกัน

จำไม่ได้แล้วว่ามื้อเย็นกินอะไรไป ไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้ แต่มีสตรอว์เบอร์รี่จากตลาดนัด ที่โคตรอร่อยเอากลับมากิน แทบไม่เปรี้ยวเลย ดีงามสุดๆ