รีวิวทริปโตเกียวต้นตุลาฯ 2018 EP 0: จองตั๋วและที่พัก

ตอนแรกไม่ได้คิดจะแพลนทริปไปเที่ยวเลย แต่บังเอิญส่องเจอโปรลดราคาตั๋วบน Expedia เข้า แรกๆ ก็แค่แชร์ดูเฉยๆ แต่เพื่อนดันสน เลยเริ่มเก็บมาคิดจริงจังว่า ถ้าตกลงไปกันก็กดตั๋วนะ หลังจากนั้นเลยส่องราคาเป็นพักๆ

จองตั๋วเครื่องบิน

จนราวๆ กลางเดือนพฤษภาคม ได้ฤกษ์ที่คิดว่าราคาค่อนข้างดีแล้ว ก็เลยกดไปซะเลย

ตั๋วที่ได้มาตอนนั้นเป็นตั๋วไปกลับของ AirAsia

  • เที่ยวไปบิน 29 กันยายน 05.05 น. (ตี 5) จากดอนเมืองไปถึงโตเกียว 13.10 น.
  • เที่ยวบินกลับออก 7 ตุลาคม 14.25 น. แล้วถึงดอนเมือง 19.10 น.

ก็คิดว่าเวลาไม่แย่นัก วันไปก็ไปรอที่คอนโดเพื่อนเพราะใกล้ดอนเมือง แล้วค่อยออกไปตอนใกล้ถึงเวลา วันกลับก็สบายๆ บินบ่ายไม่ต้องรีบแบบเที่ยวบินเช้า โดยที่กดผ่าน Expedia มาก็รวมกระเป๋าโหลดใต้เครื่องบินแล้วเบ็ดเสร็จหัวละประมาณ 9,500 บาท ถ้าเทียบกับตลอดปี 2018 ก็ถือว่าดูไม่แย่ ได้ราคาไม่ถึงหมื่นจัดว่าถูกแล้ว

จองเสร็จผ่านไปได้ราวเดือนนึง ระหว่างนั้นก็ค้นข้อมูลกันไปว่าที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง บวกกับเอาสถานที่เที่ยวมาประกอบการตัดสินใจที่พัก ที่เริ่มส่องๆ AirBnB ไว้บ้างแล้ว

แล้ววันนึง ไม่รู้อะไรดลใจ จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน ไปเช็คเที่ยวบินที่จองเลยพบว่า ราคาที่จ่ายผ่าน Expedia เนี่ยมันไม่รวมอาหารบนเครื่องกับเลือกที่นั่งไม่ได้ อยากได้เพิ่มต้องไปบวก add-on ที่ AirAsia เพิ่มเอง แน่นอนว่าต้องจ่ายเพิ่ม เลยยอมจ่ายตังเลือกที่นั่งไปเลย ตอนนั้นขาไปกะเอาสบายๆ เลยเลือกที่นั่งคู่ท้ายเครื่อง จะไม่ได้อึดอัดมากบวกกับไม่ต้องห่วงเจอคนอื่น จ่ายเพิ่มค่าเลือกที่นั่งไม่เท่าไร (สำหรับที่นั่งคู่ค่าเลือกหัวละ 480 บาท แพงแหละ) แต่ที่เจ็บใจกว่าคือต้องจ่ายค่าธรรมเนียมบัตรอีกรอบ โดนไป 360 บาท จะได้ค่าที่นั่งแล้วว้อย

เลยได้บทเรียนว่า ถ้า Expedia ถูกกว่าจองหน้าเว็บตรงไม่เยอะนัก ไปจองตรงก็ได้ และปัจจุบันนอกจาก Expedia, Traveloka แล้ว ฝั่งไทยก็ยังใช้ Google Flight เช็คเที่ยวบินก่อนได้ด้วย และมันมีรวม Link ให้อีกต่างหากว่าถ้าจองผ่านบริการอื่นไปทางนี้ หรือควรจะจองแยกตามเว็บสายการบินจะถูกกว่า ก็มี Link ให้เรากดเลย

จองบ้าน AirBnB

หลังจากที่จองตั๋วกับ Expedia ไปก็มีเมลโฆษณาส่วนลดโรงแรมมาเรื่อยๆ ตอนแรกก็สนใจว่าจะลองดู แต่ก็พบว่าอันที่ดูดีและ Private หน่อยราคาต่อหัวมันคืนละ 3,000 บาท+ ทั้งนั้นเลย เลยลองไปส่อง AirBnB เป็นตัวเลือก พร้อมกับทำกระบวนท่าเอาโค้ด Refer ส่วนลดด้วย ลดไป 1,236 บาท (เห็นว่าเหมือนปีนี้โค้ดมันลดเยอะขึ้น)

เนื่องจากว่าได้คุ้ยๆ เจอเมืองนิกโก้ (Nikko) ระหว่างที่หาที่เที่ยว เลยสนใจและสำรวจว่าเดินทางไปยังไงได้บ้าง ก็เจอหลายคนรีวิวว่าไปเช้าเย็นกลับได้นะ ถ้าไม่ไปรถ JR ก็มีเส้น Tobu-Nikko ที่วิ่งจากอาซากุสะไปได้ พอดูๆ กันกับเพื่อนแล้วก็พบว่าน่าไปว่ะ แถมมีลุ้นเจอใบไม้เปลี่ยนสีด้วย แม้ว่าจะเป้นต้นเดือนตุลา แต่ทางตอนบนญี่ปุ่นมันเปลี่ยนสีก่อนทางใต้ เลยแอบหวังไว้เล็ก

เลยเป็นที่มาของการพยายามหาที่พักใกล้ๆ อาซากุสะไม่ก็สถานีโอชิอาเกะ (Oshiage) เพราะสามารถขึ้นรถเที่ยวเช้าไปนิกโก้ได้แบบชิวๆ จนสุดท้ายได้ที่นึง เดินจากสถานีโอชิอาเกะได้ไม่ไกล ตรงข้ามที่พักมีซูเปอร์ จัดว่าทำเลดีเลยแหละ ราคาต่อหัวต่อคืนตกอยู่ที่ราว 1,200 บาท

บ้านที่จองไป

เสริมสำหรับคนจอง AirBnB ไม่แน่ใจว่าเฉพาะญี่ปุ่นหรือเปล่า เพราะตอนที่ไป ไปเจอจังหวะที่เค้าจัดระเบียบแล้ว ห้องปล่อยเช่ารายวันพวกนี้ต้องลงทะเบียนกับรัฐบาลญี่ปุ่น หน้าห้องจะมีป้ายบอกด้วยว่าเป็นห้องปล่อยเช่า แล้วก็ระหว่างที่ติดต่อกับโฮสท์บ้าน ก่อนไป เค้าจะขอข้อมูลคนพักด้วยดังนี้

แคปภาพมาจากข้อความที่เค้าส่งมาบอก
  • ชื่อ-นามสกุลของผู้เข้าพัก
  • ที่อยู่ของผู้เข้าพัก (ในที่นี้คือก็ที่อยู่บ้านในไทยของเรา)
  • อาชีพของผู้พัก
  • สำเนาพาสพอร์ต
  • เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ

ทั้งหมดนี้คือสเตปแรกที่รีบทำ เพราะกลัวเรื่องว่าถ้าช้าจะราคายิ่งแพง ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ ฮ่าๆ และอีกจุดที่ควรเก็บมาพิจารณาคือการเลือกทำเลที่พัก เพราะมีผลต่อหลายอย่าง เช่น

  • แพลนเที่ยว การเดินทางที่เวลาต้องเป๊ะ
  • ค่าเดินทาง ในโตเกียวเดินทางให้คุ้มควรใช้ Tokyo Metro Pass เพราะมันจะขึ้นรถไฟใต้บินได้หมดเลยด้วยบัตรเดียว ถ้าดูว่าสายไหนใช้ได้บ้างให้ดูสัญลักษณ์ M ของ Tokyo Metro และ Toei ที่เป็นรูปใบพัด ส่วนสัญลักษณ์ตัวหนังสือให้ดูอันที่เป็นตัวอักษรเดียว ใช้ร่วมกันได้หมดเลย
  • ระยะเดินจากสถานีรถไปไปที่พัก อันนี้เหมือนเรื่องเล็ก แต่มันจะลำบากเอาวันที่เราลากกระเป๋าเดินทาง ถ้าหาใกล้ๆ ได้จะเยี่ยมมาก อย่างที่ๆ ได้นี่ก็ลากราวๆ 300 เมตรมั้ง

สำหรับบล็อกหน้าคงจะมาต่อกันกับการวางตารางการเที่ยวจากสถานที่ที่เล็งเอาไว้ รวมถึงการศึกษาเส้นทางรถไฟทั้งในและนอกเมือง